Jimbo 
ปารีสเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมและพิพิธภัณฑ์สวยๆ มากมาย อีกทั้งยังมีการอนุรักษ์อาคารเก่าๆ ไปจนถึงปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างชาญฉลาด Musée d’Orsay ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เราจะมาเล่าถึงกัน
ในทีแรก Orsay นั้นถูกสร้างเพื่อเป็นสถานีรถไฟ ซึ่งสร้างในเวลาเดียวกันกับ Eiffel Tower (หอไอเฟล) ทำให้ทั้งคู่เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญใน World’s Fair ในปี ค.ศ. 1900 โดยขณะที่ Eiffel Tower เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของงาน อาคาร Orsay station ก็เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญที่พาผู้คนมาเยี่ยมชมงานนี้
เมื่อมองจากข้างหน้า Orsay station จะดูกลืนไปกับสถาปัตยกรรมริมแม่น้ำ แต่เมื่อเข้าไปด้านในก็จะพบกับพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีทั้งสถานีรถไฟและโรงแรมที่สวยงามอลังการมาก เนื่องจากรถไฟที่มาที่นี่ใช้ไฟฟ้าไม่ใช่ไอน้ำ ทำให้อาคารเป็นพื้นที่ปิดและสามารถตกแต่งได้อย่างเต็มที่
การออกแบบและนวัตกรรมต่างๆ ของสมัยนั้นถูกนำมาใช้อย่างจัดเต็มมาก เช่น ลิฟต์และทางลาดต่างๆ รวมถึงการใช้โครงสร้างเหล็กเช่นเดียวกับ Eiffel Tower ซึ่งแสดงถึงการสร้างแบบสถาปัตยกรรมยุค Modern จริงๆ เพราะก่อนหน้านั้นอาคารก็จะใช้โครงสร้างปูนเป็นส่วนใหญ่
แต่ไม่นานสถานีนี้ก็ไม่ได้รับการใช้งานเพราะชานชาลาสั้นเกินไป รองรับรถไฟขบวนยาวๆ ไม่ได้ หลังจากนั้นก็ถูกปรับเปลี่ยนการใช้งานหลากหลาย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนสุดท้ายสรุปได้ว่าจะสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ในราวๆปี 1978 จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการออกแบบและก่อสร้างตั้งแต่นั้นมาจนเปิดเป็น Musée d’Orsay ในปี 1986
Musée d’Orsay เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะมากมายตั้งแต่ภาพวาด งานประติมากรรมและงานจัดแสดงชั่วคราวมากมาย โดยเฉพาะคอลเลคชั่นอิมเพรชชั่นนิสต์ที่มีผลงานของแวนโก๊ะ โมเน่ต์ ซึ่งผลงานทุกชิ้นต่างกระจายจับจองแต่ละพื้นที่ของอาคารได้อย่างน่าประทับใจ หากใครจำได้ที่นี่ปรากฏอยู่ในฉากหนึ่งของ Emily in Paris season 3 ฉากที่คามิลไปเดทกับกาเบรียลนั่นเอง!
source: Google Arts & Culture | Come to Paris | Wikipedia | Netflix
